พลิกโฉมแป้งข้าวเจ้าด้วยไอเดียคนรุ่นใหม่ Lady Audrey

พลิกโฉมแป้งข้าวเจ้าด้วยไอเดียคนรุ่นใหม่ Lady Audrey

พลิกโฉมแป้งข้าวเจ้าด้วยไอเดียคนรุ่นใหม่ Lady Audrey

 

พลิกโฉมแป้งข้าวเจ้าด้วยไอเดียคนรุ่นใหม่ Lady Audrey หนึ่งในหลักการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ มักจะมีพื้นฐานจากความมุ่งมั่นและการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่ง แบรนด์ต้องคิดและนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างตรงใจ แม้จะเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนาน ก็หลีกหนีความท้าทายนี้ไม่ได้

บริษัท เนอเชอร์แคร์ จำกัด ก็เช่นกัน! แม้จะเป็นบริษัทในเครือธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากข้าวที่ดำเนินธุรกิจอย่างยาวนานกว่า 80 ปี ของโรงเส้นหมี่ชอเฮง ซึ่งมีมูลค่าส่งออกและจำหน่ายในประเทศถึงปีละ 3,000 ล้านบาท แต่ธุรกิจจะต้องพัฒนาและไม่หยุดนิ่งอยู่เพียงความสำเร็จเดิม! วันนี้เราจึงได้เห็นการต่อยอดผลิตภัณฑ์จากวัตถุดิบที่มีความคุ้นเคยและเชี่ยวชาญ สู่การแปรรูปข้าวเป็นเครื่องสำอางแบรนด์ Lady Audrey (เลดี้ ออเดรย์) กับความท้าทายที่ “วาทิน วงศ์สุรไกร Managing Director บริษัท เนอเชอร์แคร์ จำกัด” ในฐานะทายาทรุ่นที่ 4 ของโรงเส้นหมี่ชอเฮง เปิดใจและเล่าให้เราฟังอย่างละเอียด

 

จากความสำเร็จ 80 ปีธุรกิจครอบครัว สู่ก้าวใหม่ที่แตกต่าง!

คุณวาทิน เล่าให้ฟังว่า หลังจากครอบครัวได้มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจเส้นหมี่ กระทั่งได้นำเทคโนโลยีเข้ามาผสมผสานในการผลิตแป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว จนเกิดแบรนด์ช้างสามเศียรซึ่งสามารถสร้างความแตกต่างจากผลิตภัณฑ์อื่นในตลาดและได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง จนประสบความสำเร็จในธุรกิจแป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว  สามารถส่งออกมากที่สุดในโลก และยังกลายเป็นจุดเริ่มต้นในการต่อยอดธุรกิจเกี่ยวกับแป้งประเภทอื่นๆ อาทิ แป้งสำหรับอุตสาหกรรมยา (Pharmaceutical Grade Rice Flour) แป้งเด็กแบรนด์ ReisCare (ไรซ์แคร์) และกลายเป็นแป้งฝุ่นสำหรับทาหน้า (Loose Powder) ภายใต้แบรนด์ Lady Audrey ครั้งแรกในปี 2557

“จุดเริ่มต้นของ Lady Audrey เกิดขึ้นเพราะความสำเร็จส่วนหนึ่งของแป้งเด็ก ReisCare ที่มีคุณสมบัติควบคุมความมันได้ดีจากการพัฒนาจนได้ วัตถุดิบเกรดเครื่องสำอางที่เป็นสิทธิบัตรของเราเพียงรายเดียว เรียกว่าแป้งข้าว R-Micelle ที่มีอณูละเอียด เกาะผิว ดูดซับความมันได้ดี และป้องกันความเปียกชื้น ทั้งยังปราศจากแป้งทัลคัม (แร่หินที่ไม่ย่อยสลาย) ที่มักพบในแป้งเด็กประเภทอื่น ทำให้สาวๆ นิยมนำไปใช้ทาใบหน้าแต่จะพบปัญหาเกี่ยวกับสีแป้งที่ให้ความขาวกว่าปกติ เราจึงอยากพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ยังคงคุณสมบัติควบคุมความมันเช่นเดียวกับแป้ง ReisCare แต่นำมาพัฒนาให้เหมาะกับสาวๆ คือ พกพาไปใช้ได้สะดวก ให้สีที่เหมาะกับผิวคนไทยหรือชาวเอเชีย และเหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นแบบประเทศไทย”

 

 

Lady Audrey = Ready all day

Concept ของแป้ง Lady Audrey จะต้องสามารถตอบสนองการใช้งานได้เป็นอย่างดี ซึ่งนอกจากคุณสมบัติที่กล่าวไปข้างต้น ผลิตภัณฑ์ของเรายังต้องการสื่อถึงความสะดวกและความง่ายในการใช้งานด้วย คือ ใช้ครั้งเดียวก็พร้อมรองรับไลฟ์สไตล์ของสาวๆ ได้ตลอดวัน ทั้งยังมีจุดเด่นที่คุณสมบัติควบคุมความมันซึ่งเป็นปัญหาของการแต่งหน้า จึงเป็นแนวคิดที่เราต้องการสื่อสารถึงผู้บริโภคว่า Lady Audrey ใช้แล้ว Ready all day รวมถึงจุดเด่นที่ตอบสนองการแต่งหน้าได้เป็นอย่างดี ไม่เป็นคราบ ไม่ต้องเติมแป้งระหว่างวันบ่อยๆ ให้ลุคที่ดูเป็นธรรมชาติ แต่สามารถปกปิดริ้วรอยหรือปัญหาผิวได้ ทั้งยังมี SPF25 PA++ เพื่อปกป้องผิวอีกด้วย

10 ล้านบาท รีแบรนด์ดิ้งเพื่อเพิ่มโอกาส

จริงๆ แล้ว Lady Audrey เริ่มทำตลาดครั้งแรกเมื่อ 2-3 ปีก่อน กับผลิตภัณฑ์ประเภทแป้งฝุ่น ซึ่งได้การตอบรับที่น่าพอใจจากผู้บริโภค เราจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางออนไลน์และร้านเครื่องสำอางบางแห่งซึ่งมีสาขาเฉพาะในกรุงเทพฯ แต่ล่าสุดได้มีการปรับปรุงแบรนด์ใหม่เพื่อขยายผลิตภัณฑ์ให้มีช่องทางที่กว้างขึ้น เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น ตอบสนองไลฟ์สไตล์การซื้อได้ง่ายขึ้นด้วย พร้อมกับเน้นกลุ่มเป้าหมายที่วัยเริ่มทำงานช่วงอายุ 22-30 ปีเป็นหลัก ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีรายได้และพร้อมใช้จ่ายในการแต่งหน้าแต่งตัวรักความสวยงาม

“โจทย์หลักที่ท้าทาย Lady Audrey คือการปรับภาพลักษณ์ให้ดูพรีเมี่ยมขึ้นจากเดิม ลูกค้าจะต้องรู้สึกคุ้มค่าในการจ่ายเงินเพื่อซื้อผลิตภัณฑ์ เราใช้แนวคิดที่สื่อถึงการเป็น “ข้าวล้ำๆ” หมายถึงการนำข้าวที่เป็นวัตถุดิบหลักมาผสมผสานกับเทคโนโลยีจนเกิดเป็นคุณสมบัติพิเศษ พร้อมกับการปรับภาพลักษณ์และทำตลาดให้แบรนด์ Lady Audrey เป็นที่รู้จักในวงกว้างด้วยงบประมาณราว 10 ล้านบาทที่เราใช้ในระยะแรก”

 

 

ใช้ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งและความเข้าใจคนไทย…สู้ InterBrand

แม้ว่าปัจจุบันจะมีเครื่องสำอางหลากหลายแบรนด์ทำตลาดในประเทศไทย แต่เราเชื่อว่า Lady Audrey จะสามารถแข่งขันกับอินเตอร์แบรนด์ได้ จากกลยุทธ์การทำตลาดผ่านช่องทางดิจิทัลเป็นหลัก เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์การใช้สมาร์ทโฟนของคนไทย ขณะเดียวกัน บริษัทก็มุ่งหวังให้เกิดการตลาดแบบปากต่อปาก มีการบอกต่อถึงความประทับใจระหว่างผู้ใช้ ซึ่งเรามั่นใจว่าคุณภาพของผลิตภัณฑ์จะทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักได้ในระยะยาว รวมถึงกลยุทธ์ด้านราคาซึ่ง Lady Audrey เลือกทำราคาใกล้เคียงกับเครื่องสำอางอินเตอร์แบรนด์แต่มีจุดเด่นที่ความคุ้มค่าเพราะสามารถใช้งานได้นานกว่า ภายใต้แนวคิดผลิตภัณฑ์ราคาระดับกลางแต่ให้คุณภาพระดับเคาน์เตอร์แบรนด์

ส่วนการจัดจำหน่าย ปัจจุบันมีช่องทางจำหน่ายผ่านเว็บไซต์และเพจ Lady Audrey รวมถึงร้าน Eveandboy และ Beautrium ซึ่งมีสาขาในกรุงเทพฯ และจังหวัดหัวเมืองประมาณ 10 แห่ง โดยหลังจากการรีแบรนด์ดิ้งแล้วจะมีการขยายช่องทางจำหน่ายผ่านทางออนไลน์อย่างครบวงจร อาทิ Line , Facebook , IG ภายใต้ชื่อ LadyAudreyClub รวมถึงร้านเครื่องสำอางชั้นนำและห้างสรรพสินค้า พร้อมทั้งการเปิดรับตัวแทนจำหน่ายเพื่อเพิ่มช่องทางในการขายและเข้าถึงผู้บริโภค กลุ่มในเมืองและต่างจังหวัดได้มากขึ้น ขณะเดียวกันก็เตรียมขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ฮ่องกง จีน ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และอินเดียด้วย

 

 

เปิดตัวโฉมใหม่สู่ตลาดด้วย 2 ผลิตภัณฑ์

สำหรับผลิตภัณฑ์ Lady Audrey ในปัจจุบันแบ่งเป็นแป้งฝุ่น 2 สี คือ Peach Parfait สีเนื้ออมชมพูสำหรับคนผิวขาวหรือผิวขาวอมชมพู และ French Vanilla สีเนื้ออมเหลืองสำหรับคนผิวสีสองสีหรือผิวคล้ำ นอกจากนี้ก็ยังมีผลิตภัณฑ์ใหม่แป้งอัดแข็งอีก 3 สี คือ Rice Flawless Foundation Powder เบอร์ 10 Beige เหมาะสำหรับคนผิวขาวโทนชมพู , Rice Flawless Foundation Powder เบอร์ 20 Beige เหมาะสำหรับคนผิวขาวหลือง และ Rice Flawless Foundation Powder เบอร์ 30 Beige เหมาะสำหรับธรรมดาถึงผิวสองสี ซึ่งมั่นใจว่าสามารถตอบสนองการใช้งาน ของผู้บริโภคครอบคลุมทุกสีผิวอย่างเหมาะสม

สู่แบรนด์เครื่องสำอางที่ดีที่สุด! ยอดขายปีแรก 30 ล้านบาท

เป้าหมายแรกของแบรนด์ Lady Audrey คือ การทำให้ลูกค้าตัดสินใจกลับมาซื้อซ้ำ เราอยากให้ผู้บริโภคได้สัมผัสคุณภาพเครื่องสำอางที่ผลิตจากธรรมชาติแต่คุณสมบัติตอบโจทย์การใช้งานได้ตรงใจ ขณะเดียวกันก็เป็นแบรนด์คนไทยที่มีราคาย่อมเยาว์สามารถเอื้อมถึงได้ทุกคน และทำให้ Lady Audrey กลายเป็นแบรนด์แป้งเครื่องสำอางที่ดีที่สุดของคนไทยซึ่งผลิตโดยคนไทย ส่วนเรื่องรายได้นั้น บริษัทยังไม่คาดหวังมากนักแต่มั่นใจว่าจะสามารถจำหน่ายได้ไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาทภายในสิ้นปี 2561

 

 

กระตุ้นให้สาวไทย ลองหันมาใช้แบรนด์ไทยทำ!

อยากให้มอง Lady Audrey ว่าเป็นแบรนด์คนไทยที่ทำเพื่อคนไทย เราพัฒนาวัตถุดิบแป้งข้าว R-Micelle ที่มีคุณสมบัติพิเศษ นำมาผสมผสานกับส่วนผสมต่างๆ ที่มีประสิทธิภาพเพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อผิวคนไทย จึงอยากให้ลองเปิดใจพิจารณาแบรนด์ของเรา และลองมาเลือกใช้เครื่องสำอางจากแบรนด์ไทยกันดูเพราะเครื่องสำอางแบรนด์ไทยจำนวนมากก็พัฒนาไปไกลกว่าเดิม ทั้งเรื่องภาพลักษณ์ คุณสมบัติ และคุณภาพ เรียกว่าไม่แพ้แบรนด์เกาหลีหรืออินเตอร์แบรนด์ซึ่งเป็นที่นิยม และเชื่อว่าภายใน 3-4 ปีข้างหน้าจะมีการต่อยอดแบรนด์และผลิตภัณฑ์ได้อีกมากเช่นเดียวกับ Lady Audrey ที่ต่อยอดจากข้าวซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักสู่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ

ธุรกิจต้องทำเงิน…พร้อมสร้างประโยชน์ต่อสังคม

นอกจากการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างรายได้ ยังมีสิ่งที่บริษัทและบริษัทในเครือเอราวัณยึดถือนอกจากการพัฒนาธุรกิจอย่างไม่หยุดนิ่ง คือ การคืนความสุขสู่สังคม ทั้งในช่วงเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติและการดูแลสภาพแวดล้อมโดยรอบโรงงาน ซึ่งเราใส่ใจเรื่องอุตสาหกรรมเชิงนิเวศเพื่อมุ่งสู่การอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขระหว่างภาคอุตสาหกรรมและชุมชนโดยรอบ สู่เป้าหมายที่เราต้องการเป็นต้นแบบโรงงานที่ไม่ปล่อยของเสียออกสู่สิ่งแวดล้อม รวมถึงการสนับสนุนและต่อยอดวัตถุดิบในท้องถิ่น อย่างข้าวไทยด้วย

 

คิดอย่างจริงใจ คือบันไดสู่ความสำเร็จ

“ต้องยอมรับว่าเป็นความโชคดีที่ Lady Audrey ได้รับโอกาสต่อยอดจากธุรกิจครอบครัวที่มีความมั่นคงอยู่แล้ว แต่สิ่งสำคัญคือเราต้องรู้จักเลือกใช้ต้นทุนให้ถูกทาง นำสิ่งที่มีอยู่มาผสมผสานกับมุมมองของคนรุ่นใหม่เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจไปจนถึงการต่อยอดแบรนด์และผลิตภัณฑ์ ภายใต้ความสำคัญที่ Lady Audrey ต้องการสืบทอดจากธุรกิจในเครือ คือ การคิดและนำเสนออย่างจริงใจแก่ลูกค้า ด้วยวัตถุดิบธรรมชาติที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค”

 

Source: https://www.marketingoops.com/news/biz-news/rebranding-lady-audrey/

Lady Audrey
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.