พลิกโฉมแป้งข้าวสู่ผลิตภัณฑ์ความงาม LadyAudrey ในรูปแบบแป้งคุมมัน
พลิกโฉมแป้งข้าวสู่ผลิตภัณฑ์ความงาม LadyAudrey ในรูปแบบแป้งคุมมัน
พลิกโฉมแป้งข้าวสู่ผลิตภัณฑ์ความงาม LadyAudrey ในรูปแบบแป้งคุมมัน พฤติกรรมของสาวๆ ยุคนี้ที่เสิร์ชหาข้อมูลในโลกโซเชียล เพื่อหาความรู้ในเรื่องความงามและการดูแลสุขภาพของตัวเองเพิ่มมากขึ้นทำให้กระแสของ Beauty + Healthy นั้นได้รับความนิยมตามไปด้วย เมื่อผู้บริโภคยอมจ่ายแพงขึ้นเพื่อซื้อสินค้าที่ตอบโจทย์ในเรื่องสุขภาพที่ดี นี่จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ Lady Audrey ก้าวเข้ามาสู่ตลาดของเครื่องสำอางเพื่อหญิงสาวที่ใส่ใจในเรื่องความสวยควบคู่กับการมีสุขภาพที่ดีไปพร้อมกัน
คุณวาทิน วงศ์สุรไกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เนอเชอร์แคร์ จํากัด เล่าถึงที่มาของการเข้ามาสู่ธุรกิจความงามนี้ว่าจุดเริ่มต้นมาจากการต่อยอดความรู้ความเชี่ยวชาญเดิมของครอบครัวบริษัทในเครือ Erawan Brand ที่อยู่ในอุตสาหกรรมการแปรรูปแป้งมายาวนานกว่า 80 ปี ส่งออกไปขายกว่า 30 ประเทศทั่วโลก มาสู่การพัฒนานวัตกรรมแป้งเด็ก ReisCare ออกสู่ตลาดด้วยจุดเด่นเรื่องการผลิตจากแป้งข้าว ปราศจากทัลคัม (แร่หินทัลค์ Talc) เนื้อเนียนละเอียด อ่อนโยนต่อผิว ช่วยป้องกันความเปียกชื้นและดูดความมันได้ดี ที่สำคัญสามารถย่อยสลายได้ไม่ตกค้างอยู่ในร่างกายทำให้แป้งเด็ก ReisCare ได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นในหมู่คุณแม่ยุคใหม่อย่างรวดเร็ว
“ด้วยจุดเด่นของโมเลกุลแป้งข้าวที่เล็กละเอียด จึงมีคุณสมบัติในเรื่องการควบคุมความมันที่ดี ทำให้มีลูกค้าได้ทดลองนำแป้ง ReisCare ไปใช้ทาหน้า ซึ่งมันก็ให้ผลดีในการควบคุมความมัน แต่ติดปัญหาตรงที่แป้งของเราทาแล้วหน้า วอกไปหน่อย เพราะแป้งเราไม่ได้ตั้งใจออกแบบมาให้ทาหน้า เราจึงนำฟีดแบ็คจากผู้บริโภคที่ได้รับมาปรับปรุงและพัฒนา ทำเนื้อแป้งให้เหมาะกับสีผิวของสาวเอเชีย กลายเป็นแป้งเครื่องสำอางแบรนด์ Lady Audrey ขึ้นมา”
“ในช่วงแรกๆ กระแสตอบรับยังไม่น่าพอใจ เพราะเราโฟกัสไปแค่เรื่องคุณสมบัติที่ดีของผลิตภัณฑ์ โฟกัสแค่เรื่องตัวแป้ง มันก็เลยมีจุดบกพร่องในเรื่องของการทำแบรนดิ้ง การทำการตลาด แพคเกจที่เราออกแบบเองในตอนแรกมันดูยังไม่ค่อยสวยงามถูกใจผู้บริโภค พอมีฟีดแบ็คกลับมาแบบนี้เราก็ทำการรีแบรนดิ้งใหม่เกือบหมดเลย เปลี่ยนแพคเกจให้ดูพรีเมี่ยมขึ้น ตัวพัฟก็ใช้วัสดุที่สัมผัสแล้วนุ่มเนียนขึ้น ให้ความมั่นใจเวลาพกพาติดตัวไปทุกที่”
“การกลับมาทำการตลาดในครั้งนี้มีโจทย์ที่ท้าทายสำหรับเราที่เป็นแบรนด์เล็กๆ มีงบในการทำการตลาดที่ จำกัด โดยกลยุทธ์ทางการตลาดนั้นจะเป็นการผสมผสานกันของ 3 ส่วนคือ E-Commerce, Digital Marketing และ Campaign ซึ่งจะเจาะกลุ่มเป้าหมายหญิงสาววัยทำงานอายุ 22-30 ปี First Jobber พนักงานออฟฟิศ ที่ใช้เครื่องสำอางเพื่อเสริมความมั่นใจและสร้างภาพลักษณ์ที่ดี
ซึ่งหากอยากจะชนะใจผู้บริโภคเหล่านี้ได้ในระยะยาว เราจึงต้องใส่ใจในเรื่องของคุณภาพมากเป็นพิเศษ โดยเน้นชัดในเรื่องของคุณสมบัติของแป้งข้าว R-Micelle ที่โดดเด่นในเรื่องการควบคุมความมัน และใช้ตรงนี้เป็น Key Message หลักในการสื่อสารผ่านช่องทาง Digital อีกทั้งคู่แข่งในตลาดก็มีอยู่หลายแบรนด์ มีการแข่งขันสูง เราจึงเลือกเฉพาะจุดแข็งที่เรามีความเชี่ยวชาญ เข้าไปลงแข่งขันในตลาดนี้ ซึ่งก็คือเทคโนโลยี R-Micelle ที่เราได้สิทธิบัตรทั้งในอเมริกาและยุโรป”
เลดี้ออเดรย์ได้นำ “แป้งข้าว R-Micelle” มาเป็นวัตถุดิบหลักทดแทน “แป้งทัลคัม” ซึ่งเป็นแร่หิน (Mineral Rock) ไม่สามารถย่อยสลายได้ ซึ่งอาจจะตกค้างในร่างกาย ก่อให้เกิดการอุดตันสำหรับผู้ที่แพ้ง่าย ดังนั้นแป้งข้าว R-Micelle ที่ถูกพัฒนาขึ้นมา จึงมาช่วยลดปัญหาเหล่านี้ อีกทั้งจากการค้นคว้า วิจัยและทดสอบพบว่า แป้งข้าว R-Micelle สามารถดูดซับความมันได้ดีกว่าแป้งทั่วไป จึงช่วยลดหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดสิว คือ “ความมันบนใบหน้า”
ทางเลดี้ออเดรย์จึงได้นำนวัตกรรมนี้มาต่อยอดเป็นเครื่องสำอางที่เหมาะกับสาวเอเชียที่มีผิวที่ละเอียดโดยมีการพัฒนามาเป็นแป้งฝุ่น (Loose Powder) และแป้งอัดแข็งผสมรองพื้น (Press Foundation Powder) ที่ออกแบบเพื่อผิวคนเอเชียโดยเฉพาะ โดยเน้นจุดเด่นในเรื่องการควบคุมความมันได้ยาวนานตลอดทั้งวันและเหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย